อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี รวมไทยสร้างชาติ อภิปราย “พลังงาน-อุตสาหกรรม”ได้งบเพิ่มน้อยนิดถ้าเปรียบเทียบกับกระทรวงอื่น แต่ไม่เป็นปัญหาในการทำงานเพื่อประชาชน วอนฝ่ายโจมตี “พีระพันธุ์” หยุดสร้างวาทกรรมใส่ร้าย ชู 3 เดือนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ พร้อมหนุนเพิ่มงบให้กระทรวงอุตฯนำมากำจัดกากอุตสาหกรรมที่สร้างผลกระทบกับประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระที่ 1 ว่า ในปี 2567 กระทรวงพลังงานได้รับการจัดสรรงบประมาณ 2,834 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการจัดสรร 4,559 ล้านบาท ขอตั้งข้อสังเกตว่า ได้มีการเพิ่มวงเงินจากปี 2566 กระทรวงพลังงานเพิ่มเพียง 134 ล้าน ของกระทรวงอุตสาหกรรมเพิ่มเพียง 87 ล้านบาท
ทั้งนี้ เรามี 19 กระทรวง 18 กระทรวงได้รับงบประมาณเพิ่มโดยภาพรวม 3.48 ล้านล้านบาท เรามีการเพิ่มงบประมาณมาเกือบ 10% แต่ กระทรวงพลังงานได้เพิ่มมาเพียง 134 ล้าน กระทรวงอุตสาหกรรมได้เพิ่มเพียง 87 ล้านบาทเพิ่มเพียงน้อยนิด กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมได้เพิ่มอยู่ในลำดับที่ 17-18 จากทั้งหมด 18 กระทรวง
“ตรงนี้คือข้อสังเกต แต่ไม่ใช่ปัญหาและอุปสรรคในการจะบริหารงานของกระทรวงเพื่อพี่น้องประชาชน เพราะเราเชื่อมั่นในตัวนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน และน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เชื่อว่า มีความมุ่งมั่นมีความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีในฐานะเจ้ากระทรวง มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ในการจัดทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน เราชาวพรรครวมไทยสร้างชาติเชื่อว่า ความสามารถของทั้ง 2 ท่าน จะทำให้ผลงานออกมาให้สังคมได้ชื่นชมอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่พึงพอใจของประชาชน ฉะนั้นจึงตั้งข้อสังเกตในเรื่องงบประมาณให้ประธานสภาฯได้รับทราบ” นายอัครเดชกล่าว
สำหรับ กระทรวงพลังงานตนขอเรียกร้องให้ผู้ที่ได้อภิปราย หรือให้ข่าว มุ่งเน้นโจมตีโดยใช้วาทกรรมโจมตีเรื่องพลังงานของรัฐบาล โจมตีนายพีระพันธุ์ขอให้ยกเลิกได้แล้ว เพราะเพียง 3 เดือนเศษที่ผ่านมา ผลงาน ของรมว.พลังงานเป็นที่ชื่นชอบและชื่นชมของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดราคาน้ำมันดีเซล การลดราคาไฟฟ้า การลดราคาน้ำมันเบนซิน และการตรึงราคาแก๊สหุงต้ม วันนี้พี่น้อง ประชาชนฝากชื่นชมเพียงช่วง 3 เดือนเศษได้ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชนอย่างมาก
สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า จากนี้ไปตนเชื่อว่าประชาชนจะได้เห็นผลงาน ของนายพีระพันธุ์ ในแผนงานระยะกลางและระยะยาว ในการรื้อลดปลดสร้าง แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคโดยการปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานให้โปร่งใส เปลี่ยนถ่ายสู่ยุคพลังงานสะอาด และที่สำคัญ รมว.พลังงานมีความตั้งใจที่จะร่างกฎหมายเพื่อ พี่น้องเกษตรกร โดยได้ออกพ.ร.บ.น้ำมันเพื่อการเกษตรช่วยคนตัวเล็กโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรและคนไทยทั้งประเทศ นี่คือสิ่งที่อยากจะเรียนผ่านประธานสภาฯ กระทรวงพลังงานแม้จะได้รับการจัดสรรงบประมาณไม่มาก แต่เชื่อมั่นว่าความสามารถและความมุ่งมั่นตั้งใจของ นายพีระพันธุ์จะทำให้มีผลงานให้พี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน
นายอัครเดช กล่าวถึง งบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรมว่า น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ได้มีการลงพื้นที่ตรวจติดตามเรื่องกากอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ตนในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้แบ่งเบางานของรมว.อุตสาหกรรม เพราะข้อร้องเรียนของประชาชนมีมากในเรื่องกากอุตสาหกรรมโดยเฉพาะขยะเคมีอันตรายซึ่งเป็นปัญหา วันนี้เข้าขั้นวิกฤตในหลายพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.ราชบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ระยอง จ.ปราจีนบุรี หรือ จ.นครปฐม
นายอัครเดช กล่าวว่า ตนได้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนแทบทั่วประเทศ รมว.อุตสาหกรรมก็ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่รมว.อุตสาหกรรมมีภารกิจในงานที่ทำจำนวนมาก ทั้งเรื่องการสนับสนุนรถ EV จาก 3.0 เป็น 3.5 ที่ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้ใช้รถ EV อย่างแพร่หลาย และราคาถูก รวมถึงเรื่องการสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาล การแก้ไขปัญหาอ้อยและน้ำตาลทราย
“ผมในฐานะประธานคณะกรรมการอุตสาหกรรม ก็ได้ลงมาช่วยติดตามปัญหาเหล่านี้พบปัญหาสำคัญอยู่ 2 อย่างคือ 1. เรื่องของกฎหมาย 2. เรื่องของเงินงบประมาณที่ไม่มีเลย ในการจัดการกับกากอุตสาหกรรมที่ตกค้างอยู่ตามโรงงานที่กระทำการผิดกฎหมาย ในเรื่องกฎหมายคงต้องใช้เวลาในการแก้ไข พ.ร.บ.โรงงาน เพื่อเพิ่มโทษคนที่เอาเปรียบสังคม ทำลายสิ่งแวดล้อมสร้างมลพิษให้กับพี่น้องประชาชน แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูด คืองบที่มีอยู่อย่างจำกัด หรือไม่มีเลย ในส่วนของงบจัดการกากอุตสาหกรรมที่ตกค้างและเป็นปัญหากับพี่น้องประชาชน”สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว
นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า ในการแปรญัตติในวาระ 2 งบประมาณที่ถูกปรับลดลงในชั้นการแปรญัตติตนอยากจะให้ปรับลดแล้วนำมาให้สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วให้สำนักนายกฯ นำมาให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมนำไปจัดการกับกากอุตสาหกรรมที่เสียที่เป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งวันนี้เป็นปัญหามาก เช่น ที่จ.ราชบุรี และจ.พระนครศรีอยุธยาเพิ่งปิดโรงงานไป เพราะมีกากของเสียอุตสาหกรรมเฉพาะบนดินมีอยู่หมื่นกว่าตัน ต้องใช้เงินสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นห่วงพี่น้องประชาชนได้อนุมัติงบกลาง 60 ล้านบาท มากำจัดขยะเคมีได้หมื่นกว่าตัน ส่วนที่อยู่ใต้ดินอีก 2 แสนกว่าตันยังเป็นปัญหาเรื้อรังและยังไม่สามารถดำเนินการได้ เป็นผลกระทบต่อประชาชนหลายพันครัวเรือน
“วันนี้ต้องแก้กฎหมาย ฝากถึง รมว.อุตสาหกรรม อยากให้สั่งการกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เร่งแก้กฎหมายพ.ร.บ.โรงงานในการลงโทษผู้กระทำความผิดที่ทิ้งกากของเสีย หรือกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายโดยไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย แต่ในส่วนของงบประมาณขอให้กรรมาธิการงบประมาณฯ ได้ปรับลดงบประมาณแล้วนำงบประมาณไปให้สำนักนายกฯเพื่อให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำไปดำเนินการการจัดการกับกากของเสียที่อยู่บนดินและใต้ดินที่มีอยู่และ เป็นอันตรายกับพี่น้องประชาชน” นายอัครเดชกล่าว
สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวย้ำว่า ตนในฐานะสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอสนับสนุน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า ฐานะทางการคลัง หนี้สาธารณะคงค้างอยู่สนระดับกฎหมายกำหนด เงินคงค้างก็อยู่ในฐานะที่เหมาะสม สส.พรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนจึงขอสนับสนุนพ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ที่เสนอเข้าสภาในวาระหนึ่ง