Skip to content
Home » กมธ.พลังงาน เชิญ ก.พลังงานให้ข้อมูล “แผนบริหารจัดการก๊าซ – น้ำมัน”

กมธ.พลังงาน เชิญ ก.พลังงานให้ข้อมูล “แผนบริหารจัดการก๊าซ – น้ำมัน”

กมธ.พลังงาน เชิญตัวแทน ก.พลังงานให้ข้อมูล “แผนบริหารจัดการก๊าซ – น้ำมัน” ของประเทศ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเสนอต่อสภาฯ ส่งต่อให้รัฐบาลดำเนินการต่อ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศในอนาคต

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม กมธ.พลังงาน พิจารณาเรื่อง “แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan)” โดยมี ตัวแทนจากกระทรวงพลังงาน ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และกรมธุรกิจพลังงาน เข้าให้ข้อมูล

ทั้งนี้ ผู้แทนหน่วยงานกระทรวงพลังงานได้ชี้แจงสถานการณ์เชื้อเพลิงธรรมชาติของประเทศ โดยระบุว่า ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ตามแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) 2018 สอดคล้องกับแผนพลังงาน หรือ PDP ฉบับปัจจุบัน ที่คาดการณ์ว่า จะมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 0.7% ต่อปี โดยก๊าซธรรมชาติได้ถูกนำไปใช้ใน 4 ภาคส่วน ได้แก่ การผลิตไฟฟ้า 57%, ปิโตรเคมี 22% , อุตสาหกรรม 16% และการขนส่ง 5%ขณะนี้ ตามแผนพบว่า ยังมีปริมาณเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้พิจารณาการจัดหาก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อมกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งในส่วนของการนำเข้าจากต่างประเทศ และส่วนที่ได้จากแหล่งก๊าซฯในอ่าวไทยเอง แม้ว่าที่ผ่านมาเกิดความล่าช้าจากการปรับเปลี่ยนระบบสัมปทาน, ปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ได้รับสัมปทานเดิมทำให้ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ รวมถึงปัญหาพื้นที่พลังงานทับซ้อนระหว่างประเทศก็ตาม

สำหรับ ในส่วนของแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) กรมธุรกิจพลังงานได้ให้ข้อมูลภาพรวมการดำเนินการตามแผน Oil Plan ของปี 2015 โดยในส่วนของความมั่นคงทางพลังงานเชื้อเพลิงนั้น ได้มีการเตรียมสำรองน้ำมันในอัตราส่วน 7% แต่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขการสำรองน้ำมันอีกครั้งให้สอดคล้องกับการใช้น้ำมันในประเทศที่มีแนวโน้มการใช้ลดลงหลังปี 2030 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าจากการส่งเสริมของรัฐบาลตามแผนนโยบายพลังงานชาติ โดยกระทรวงพลังงานต้องเตรียมปรับแผนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เช่นจัดเตรียมให้มีจุดชาร์ตไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ให้เพียงพอต่อความต้องการของรถยนต์อีวี

ขณะเดียวกัน จะมีการปรับเปลี่ยนชนิดน้ำมันที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งในส่วนของดีเซล และ เบนซิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการในอนาคต

นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงานยังได้ดำเนินการตามแผน Oil Plan 2015 ด้านโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายท่อส่งน้ำมันที่จะได้มีการบริหารจัดการให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพมากขึ้น รวมทั้งยังได้มีการพิจารณาธุรกิจด้านเชื้อเพลิงใหม่ ๆ ร่วมกับผู้ประกอบการซึ่งได้รับความสนใจและมีความคืบหน้าไปมาก

น.ส.วชิราภรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้คณะกมธ.พลังงานได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงพลังงาน มาให้ข้อมูลในภาพรวมของแผนการจัดการพลังงานของประเทศ ทั้งในส่วนของแผนบริการจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และ แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน เป็นอีกความมั่นคงหนึ่งของประเทศที่มีความเชื่อมโยงต่อภาคเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน

“สำหรับ ข้อมูลที่ได้รับทั้งหมดในวันนี้ ถือว่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อคณะกรรมาธิการการฯ ที่มีความห่วงใยเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอยู่แล้ว หลังจากนี้จะได้รวบรวมข้อมูลจากการประชุม พร้อมข้อเสนอแนะต่างๆ เสนอยังรัฐสภา เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลเพื่อหาแนวทางในบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศในอนาคตต่อไป” นส.วชิราภรณ์กล่าว