ประธานกมธ.อุตสาหกรรม สภาฯ เชียร์รัฐบาลสนับสนุนนโยบาย EV3.5 ต่อยอดจาก EV3.0 เริ่มในสมัยรัฐบาลลุงตู่ ย้ำต้องเร่งสร้างสถานีชาร์จไฟเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV ให้มากขึ้น
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาล และ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่ได้ประชุมบอร์ดอีวีแล้ว อนุมัติมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV3.5) เป็นการต่อยอดนโยบาย EV3.0 ที่เริ่มต้นขึ้นในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวในอุตสาหกรรมรถ EV อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีการขยายมาตรการสนับสนุน EV 3.0 ไปถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ส่วนมาตรการ EV 3.5 เริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ไปถึงปี 2570 จะเป็นการส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการได้มาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และได้กำหนดทิศทางที่ชัดเจนว่าสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ลดการขาดดุลของประเทศ ส่งเสริมการลดมลภาวะเกี่ยวกับ PM 2.5 จึงอยากให้รัฐบาลได้ทำนโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ นโยบาย EV 3.5 ถือเป็นนโยบายที่ดีจึงอยากให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV ให้มาก เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลจะทำต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2670 ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV ให้มากขึ้น นอกจากลดการขาดดุลของประเทศลดมลพิษจาก PM 2.5 แล้ว ยังสามารถลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้อีกด้วย เพราะเชื้อเพลิงไฟฟ้าถูกกว่า น้ำมัน” นายอัครเดชกล่าว
ประธานคณกรรมาธิการการอุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า นอกจากให้รัฐบาลสนับสนุน EV 3.5 ในเรื่องภาษีและเงินอุดหนุนรถ EV แล้ว อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการในเรื่องสถานีชาร์จด้วยเพราะเป็นส่วนที่สำคัญ เป็นส่วนที่จูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถEV มากขึ้น ในส่วนของภาคเอกชนก็อยากให้มาลงทุนเกี่ยวกับโครงการยานยนต์ไฟฟ้า EV ให้มากขึ้นด้วย เพราะรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนสนับสนุนในการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลส่งเสริมใช้รถ EV ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการและเป็นผลดีต่อประชาชนในภาพรวมด้วย