“อนุชา บูรพชัยศรี” สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายสนับสนุนขอให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการฯศึกษาปัญหาในตลาดหุ้นไทยป้องกันสารพัดปัญหาโดยเฉพาะการปั่นหุ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนคนไทยและต่างชาติ
เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ได้เสนอญัตติเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้เกิดความเสียหายอย่างมากจากบริษัทที่ยื่นงบการเงินที่ผิดปกติไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท กระทบกับผู้ลงทุนหลายพันคน
นอกจากนี้ ความเสียหายดังกล่าวยังกระทบกับความเชื่อมั่นในการมีตลาดทุนโดยเฉพาะนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศไทย จึงควรมีการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเร่งด่วน เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจประเทศไทยหลังเกิดโควิดได้ผ่านพ้นไปในระดับหนึ่งแล้ว และอยู่ในช่วงการฟื้นตัว ดังนั้นหากนักลงทุนเสียความเชื่อมั่นกับตลาดทุนในประเทศไทยแล้ว จะเกิดความเสียหายต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างมาก ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการฯ หรือจะส่งเรื่องไปให้รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนจะ สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างแข็งแรงต่อไป นั่นเป็นเหตุผลหลักในการที่เสนอญัตติในครั้งนี้
“ผมมิได้กล่าวถึงบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นการเฉพาะ เพราะคิดว่าสิ่งเกิดขึ้นในอดีตคงจะมีตัวอย่างให้เห็น การทุจริตในตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมาตลอดระยะเวลา ไม่ว่าจะเป็นการยักยอกเงิน การฉ้อโกง การปลอมแปลงเอกสารทางการเงิน และอื่นๆอีกมากมาย เราได้ยินมีการพูดถึงธรรมาภิบาลที่อยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้บริหารเองอาจจะมีความคิดแค่เพียงว่าต้องการจะทำราคาหุ้นขึ้นสูงเพื่อให้คนเข้ามาลงทุน หรืออาจจะมีแมงเม่าเข้ามาซื้อ หลังจากนั้นก็จะดั๊มพ์ราคาลงมาโดยไม่ได้แจ้งให้กับทางตลาดหลักทรัพย์ฯหรือที่เรียกกันง่ายๆว่าการปั่นหุ้นนั่นเอง เมื่อมีการตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมก็ไม่สามารถจะชี้แจงรายละเอียดได้ จากนั้นก็มีการยักยอกทรัพย์สินของบริษัทหรือซักฟอกเงินตามมา”นายอนุชากล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า ประชาชนมีคำถามตามมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรที่กำกับดูแลบริษัทมหาชนจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือกลต. มีคำถามไปถึงกระบวนการตรวจสอบด้วยว่า เกิดอะไรขึ้นกับผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ตนพูดมาทั้งหมดเกี่ยวข้องทั้งหมด
สำหรับ ในปัจจุบันวอลลุ่มหรือปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถ้าเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ฯในภูมิภาคหรือในตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญประเทศไทยถือว่าน้อยมาก เรามีตลาดหลักทรัพย์ฯมาหลายสิบปีแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจะเทียบเคียงกับหลายๆประเทศได้ ฉะนั้นเราจะต้องมีการดำเนินการแก้ไขเพื่อให้นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือนักลงทุนต่างชาติได้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น ฉะนั้นจึงเห็นความสำคัญและได้ยื่นญัตติขอให้สภาฯได้ตั้งกรรมาธิการฯ และหวังว่าสภาฯแห่งนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะต้องดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์