รมว.พัฒนาสังคมฯขอที่ประชุมสภาฯเห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาครอบครัวที่มีอยู่จำนวนมาก วอนอย่าตัดงบประมาณเพื่อให้การแก้ปัญหาบรรลุผลสำเร็จ
เมื่อวันที่ 30 นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) อภิปรายระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรับทราบรายงานตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 ประจำปี 2545 ว่า ขอให้กำลังใจผู้ทำงานทั้งเครือข่ายข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ตนได้บันทึกความเห็นของสมาชิกหลายสิบคนล้วนเป็นประโยชน์ แต่ขอให้ข้อมูลในเรื่องสถิติในภาพกว้างถึงสาเหตุของปัญหา
ทั้งนี้ ประเทศไทยมี 27 ล้านครัวเรือน แต่วันนี้เรามีสถิติหย่าร้างของครอบครัว 10 ปี 1.3 ล้านคู่ เฉลี่ยปีละ 1.3 แสนครอบครัวที่มีปัญหา เรามีครอบครัวยากจนอีก 4.1 ล้านครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาครอบครัวความยากจน นำมาสู่ปัญหาสุราและยาเสพติด เรามีเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ และพ่อแม่ฝากเลี้ยง 4.8 แสนคน เรามีแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการอีก 5 แสนคน
ดังนั้นครอบครัว 27 ล้านครอบครัว มีปัญหา 1 ใน 3 ของประเทศ ตนคิดว่า คนที่ทำงานตามแก้ไม่ทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกบอกว่าโควิดเป็นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะตกงานเงินออมหมด ธุรกิจเจ๊ง รายได้ลด ต้องส่งลูก ต้องผ่อนรถ บางคนต้องผ่อนบ้าน เมื่อปัญหาเศรษฐกิจ จึงมีการดื่มเหล้าให้เมา เพื่อลืมความทุกข์ ขณะที่บางคนแก้ปัญหาโดยการไปพึ่งยาเสพติด จึงเป็นสาเหตุให้ตัวเลขความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 43.94%
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่เราควบคุมไม่ได้คือ สงครามรัสเซียกับยูเครนซึ่งมาซ้ำเติม ทำให้เราไม่สามารถควบคุมราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้มราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นพลังกดดัน สิ่งที่เกิดขึ้นอยากจะกราบเรียนประธานว่าวันนี้ ตามรายงานของอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวพบว่า มี Application ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 3 แสนคน ถ้าเป็นสมาชิกกันทุกเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขต หาพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็ก สุภาพสตรี และกลุ่มเปราะบางที่มีภัยคุกคามมาเป็นสมาชิก Application นี้เด็กและเยาวชน 21 ล้านคนมาเป็นสมาชิก เชื่อมโยงกับสถานีทุกภายใน 25 นาที เมื่อแจ้งเหตุแล้วตำรวจต้องไปถึง ยกเว้นกทม.รถติด ดังนั้นจึงเป็นการใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหาแทนงบประมาณแทนกำลังคนที่ขาดแคลน
นายจุติ กล่าวอีกว่า มีสมาชิกพูดถึงเรื่องจิตแพทย์ ประเทศไทยขณะนี้ มีแพทย์อยู่ในระบบจิตแพทย์ไม่เกิน 1,000 คน มีนักสังคมสงเคราะห์นักจิตวิทยาไม่เกิน 3,000 คน แต่ครอบครัวที่มีปัญหามีหลายล้านครอบครัว ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามรายงานของอธิบดีกรมกิจการและสถาบันครอบครัว ที่บอกว่า ได้ใช้สหวิชาชีพเข้ามาช่วย อัยการ แพทย์ และนักสังคมสงเคราะห์ รวมถึงมูลนิธิต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชนและประชาชนมาช่วย
อย่างไรก็ตาม มีการอบรมคนเพื่อมาทดแทน เนื่องจากมีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ไม่พอ จึงมีการตั้งเป้าหมายว่า ทุกโรงเรียนจะต้องมีครู 10 คน โรงเรียนมีประมาณ 15,000 แห่ง ครูที่ได้ยินเสียงความทุกข์ของนักเรียนจะมี 15,000 คน เราจะมีโรงเรียนที่สอนพ่อแม่ผู้ปกครองเลี้ยงลูกให้เป็น เรามีศูนย์แม่เลี้ยงเดี่ยว ช่วยแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่น้อยกว่า 5 แสนคนให้มีที่พึ่งพา แต่ทั้งหมดถ้าไม่ให้เงินก็ไม่มีประโยชน์
“กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ดูแลเรื่องสถาบันครอบครัว ถูกปรับลดงบประมาณทุกปี ดังนั้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้การแก้ปัญหาสำเร็จหรือไม่ ถ้ามีความจริงใจอยากให้คนหายทุกข์ อยากให้คนหายโศก ปัญหาทั้งหลายของครอบครัวได้รับการแก้ไข ขอให้สนับสนุนคนทำงานได้มีอาวุธคือ ทั้งคนและเงิน” นายจุติกล่าว