“อนุชา บูรพชัยศรี” อภิปรายชูความสำเร็จของแผนปฏิรูปประเทศในรอบ 5 ปี ชื่นชมผลการปรับปรุงกฎหมายสำคัญ 6 ฉบับที่เป็นปัญหาด้านโครงสร้างเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน แต่ทำได้สำเร็จเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติ
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศที่มีการนำเสนอต่อที่ประชุมสภาฯว่า จากการดำเนินการใน 5 ปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในด้านต่างๆไว้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ต้องขอขอบคุณสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ แผนการปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วย แผนการปฏิรูป 13 ด้าน จะทำให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินการสร้างรากฐานของประเทศ ใน 5 ปีแรกของยุทธศาสตร์ชาติคือเรื่องของกรอบที่จะทำให้เกิดการปรับปรุงเชิงโครงสร้าง และปรับเปลี่ยนยกเลิกกระบวนการ ยกเลิกกลไก และระเบียบต่างๆ หืเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
นายอนุชา กล่าวว่า ประเทศไทยมีกฎหมาย 1,400 ฉบับ เป็นกฎหมายรองอีกแสนกว่าฉบับ ฉะนั้นการปฏิรูปประเทศตามแผนงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นการปลดล็อคพันธนาการจากกฎหมายที่ล้าสมัย เร่งขับเคลื่อนประเทศ จึงได้ปลดล็อคกฎหมายที่ไม่จำเป็นกว่า 1,049 ฉบับ นำมาสู่การลดขั้นตอนลดภาระประชาชนผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่าย มีการประเมินลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 133,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น GDP กว่า 0.8%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอบา ได้ให้ความสำคัญติดตามผลงานการปฏิรูปกฎหมายอย่างจริงจัง ที่ผ่านมามี 6 กฎหมายที่สำคัญที่อยากจะไฮไลท์ว่า มีความสำเร็จประกอบด้วย 1.พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกประหยัด ลดขั้นตอนความวุ่นวายโดยไม่จำเป็น พร้อมปิดช่องทางทุจริตในการรับสินบนใต้โต๊ะ การที่ทุกหน่วยงานนำขั้นตอนเหล่านี้มาอนุมัติตามกฎหมายจะนำมาเปิดเผย กำหนดระยะเวลาการทำงานอย่างชัดเจน เป็นพื้นฐานสำคัญส่งผลให้ความยุ่งยากในการประกอบธุรกิจของไทยปรับตัวได้ดีขึ้น ทำให้มีการจัดลำดับที่ดีขึ้นถึง 7 ลำดับหลังออกจากออกกฎหมายฉบับนี้ เป็นการอำนวยความสะดวก ลดการทุจริตคอร์รัปชั่นเพิ่มความโปร่งใส ให้ประชาชนในการใช้บริการ
กฎหมายฉบับที่ 2 คือพ.ร.บ.การปฏิบัติราชการ อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ 2565 มีเป้าหมายเพื่อปรับโครงสร้างปรับปรุงวิธีการของภาครัฐด้วยการตรากฎหมายกลางเพียงฉบับเดียว ส่วนที่ 3 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพ.ร.บ.ว่าด้วยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เดิมเวลาติดต่อราชการประชาชนจะต้องไปปรากฏตัว พร้อมบัตรประชาชนแต่เวลานี้ติดต่อราชการทุกแห่งทำแบบออนไลน์ได้ ไม่ต้องไปปรากฏตัวยกเว้นการจดทะเบียนสมรส อย่า แจ้งรับบุตรบุญธรรม การทำบัตรประชาชน และพาสปอร์ตต้องไปปรากฏตัวอยู่
นายอนุชา กล่าวถึงกฎหมายฉบับที่ 4 พ.ร.ก.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยผิดรับผิดนัดชำระ ตรงนี้เป็นไฮไลท์ มีการปฏิรูปอย่างจริงจังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมาก มีการคิดดอกเบี้ยใหม่ อะไรไม่เป็นธรรมมีการปรับเปลี่ยนหรือการเป็นการปฏิวัติคิดดอกเบี้ยใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทยแก้ปัญหาโครงสร้างประชาชนได้ประโยชน์เต็มๆ ผู้ประกอบการทั่วประเทศก็ปรับตัวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
สำหรับการออกกฎหมายฉบับที่ 5 เป็นเรื่องของพ.ร.บ.การปรับ เป็นพินัย คือคุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน คุกมีไว้ขังสำหรับคนกระทำความผิด ดังนั้นการกำหนดให้โทษอาญาเพียงเท่าที่จำเป็น โทษปรับเล็กๆน้อยๆจะถูกแปลงเป็นโทษปรับเป็นพินัย คือการทำงานให้สังคมแทนการรับโทษทางอาญา แล้วไม่มีการบันทึกประวัติอาชญากรรมไว้ในประวัติ
นายอนุชา กล่าวถึงการปฏิรูปสุดท้ายเป็นพ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมทางการศึกษา หรือกยศ.เป็นการช่วยเด็กไทยที่ยากไร้กว่า 6 ล้านคนให้ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยตามสัญญา อัตราดอกเบี้ยผิดนัด การขยายระยะเวลาต่างๆ รวมถึงยกเลิกไม่ให้มีผู้ค้ำประกัน
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปที่ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการมาแล้วนำมาเสนอทั้งหมด ต้องบอกว่า กฎหมายที่ยกตัวอย่างมาทั้ง 6 ฉบับ เป็นเรื่องของปัญหาโครงสร้างที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานแต่มาสำเร็จ เป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้หลังดำเนินการอย่างจริงจังใน 5 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นผลงานที่ได้ดำเนินการปฏิรูปประเทศ ตนขอขอบคุณคณะกรรมการฯ ที่ได้ทำงานปฏิรูปประเทศในด้านกฎหมายทั้ง 6 ฉบับ ขอให้ดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ต่อเนื่องต่อไป