“รวมไทยสร้างชาติ”แถลงใหญ่เปิดตัวโฆษกพรรคพร้อมรองโฆษกฯ อีก 3 มาทำหน้าที่สื่อสารกับประชาชนให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เน้นสื่อสารเข้าใจง่าย เชิงรุก และขยายกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคให้โตขึ้น เปรียบการทำงานจากนี้ไปจะเหมือนสเต็ก 3 แบบ มีรสชาติแตกต่างกันออกไป
.
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้าง (รทสช.) แถลงเปิดตัวทีมโฆษกและรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อให้การสื่อสารระหว่างพรรคและประชาชนใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เป็นโฆษกพรรค ส่วนทีมรองโฆษกพรรคเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี หรือ เนเน่ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ลอรี่ และ 3.นายชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา หรือ เก็ต
.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ภารกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติหลังการเลือกตั้ง แม้เราจะมีส.ส.เพียง 36 ที่นั่ง แต่ก็ได้รับความนิยมจากประชาชนเลือกมากกว่า 4.7 ล้านเสียง ผู้บริหารพรรคทุกคนยืนยันจะนำ 4.7 ล้านเสียง เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการประสานตามเจตนารมณ์ของพรรคอย่างแน่วแน่ วันนี้การตั้งรัฐบาลไม่ใช่หน้าที่ของพรรค เพียงแต่ตนได้แสดงจุดยืนหลายครั้งว่า การเลือกประธานสภาฯ และการเลือกนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่สนับสนุนประธานสภาฯหรือนายกรัฐมนตรีที่มีวาระ จากผลักดันการแก้ไขมาตรา 112
.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า แม้การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ภายในพรรครวมไทยสร้างชาติเราเริ่มภารกิจการทำงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมให้มากขึ้นการขับเคลื่อนงานในสภาฯ ไม่ใช่ตอบโจทย์เฉพาะส.ส.ในสภาฯแต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการประชาชนนอกสภาด้วย ตนจึงได้ระดมความคิดจากผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติหลายคน จนได้ข้อสรุป พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและโครงสร้างของพรรคด้วย
.
เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวย้ำว่า คณะกรรมการบริหารพรรคได้ แต่งตั้งโฆษกพรรคคนใหม่และ รองโฆษกพรรคอีก 3 คน ทีมที่ปรึกษาอีก 3 คนรอยให้คำปรึกษาอยู่ด้านหลัง และวางยุทธศาสตร์ให้กับทีมงานโฆษกพรรค โดยทีมที่ปรึกษามีตน พร้อมด้วยนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุมาร่วมกันคอยให้คำปรึกษาเพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติได้สื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปสู่ประชาชน
.
“ทีมโฆษกพรรคจะเป็นกระบอกเสียงให้กับพรรค และจะเป็นหน่วยงานสำคัญในการรับฟังความคิดเห็น แนวทางการทำงาน รับฟังคำแนะนำจากสมาชิก จากกองเชียร์ และประชาชนที่ศรัทธาในพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อสื่อสารให้ทุกคนได้ทราบ ภารกิจในการรับฟังเสียงของประชาชน ก็สำคัญไม่น้อยกว่าการพูดและการสื่อสารออกไป” นายเอกนัฏกล่าว
.
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรคกล่าวยืนยันว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อนำอุดมการณ์และของผลงานของพรรคเผยแพร่ไปยังประชาชนเพื่อขยายแนวร่วมให้ประชาชนได้รับทราบผลงานของพรรค โดยทีมโฆษกพรรคจะปรึกษากันเพื่อขับเคลื่อนภารกิจของพรรคให้เป็นที่ยอมรับ ของประชาชนมากยิ่งขึ้น
.
ด้าน นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรค กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยทำงานด้านการสื่อสารองค์กรกับหน่วยงานระดับโลกมาแล้วจะได้นำประสบการณ์ต่าง ๆ มาใช้เพื่อผลักดันให้พรรคก้าวต่อไปข้างหน้า ในการสร้างสังคมไทยให้มีความมั่นคง เท่าเทียม ก้าวหน้า ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่พรรคมุ่งมั่นมาตลอด และจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อให้พรรคเป็นคำตอบที่ใช่ของคนไทยต่อไป
.
ขณะที่ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรค กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำงานของทีมโฆษกพรรคหลังจากนี้ จะเน้นใน 3 เรื่อง คือ 1.เน้นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย ใกล้ชิดกับผู้คนและเข้าถึงคนในทุกกลุ่ม 2.จะมีการสื่อสารในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะไม่เป็นการตั้งรับอย่างเดียวเหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน แต่ต้องการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จบนดาต้าสาธารณะลดน้อยลง นำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องทางการเมืองและบริบทต่าง ๆ ของสังคม และ 3.เน้นการขยายกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มผู้สนับสนุนของพรรคให้เติบโตขึ้น เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้จำกัดอยู่ที่คนช่วงวัยใดวัยหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นพรรคสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ทุกชาติ ศาสนา เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือการรวมใจของคนไทยทุกคน
.
“นอกจากโฆษกพรรคที่มีความน่าเชื่อถือและคมกริบในวิสัยทัศน์แล้ว ทีมรองโฆษกฯ เราคุยกันส่วนตัวเปรียบเหมือนสเต็ก พี่เนเน่ เปรียบเหมือสเต็กเวล ดัน อร่อยไม่เป็นพิษเป็นภัยดีแน่นอน พี่เก็ตเป็นสเต็กแบบแรร์ ดิบๆ ถึงใจ ผ่าเข้าไปมีเลือดไหลซิบ ๆ แต่อร่อย ส่วน ผมจะเป็นมีเดียม แรร์บ้าง มีเดียมเวล ดันบ้าง ขอให้ติดตามเราจะทำงานอย่างเต็มที่” นายพงศ์พล กล่าว
.
นายชินภัสร์ กิจเลิศศิริวัฒนา รองโฆษกพรรค กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคที่ไว้วางใจให้มารับหน้าที่นี้และรับปากว่าจะทำงานอย่างเต็มความสามารถ และขอรับประกันว่าหลังจากนี้การสื่อสารของพรรคจะมีการปรับเปลี่ยนให้เร็วขึ้น ทันสมัยขึ้น และเป็นสากลขึ้น ก็ขอให้ติดตามต่อไป