Skip to content
Home » “ยังไหว ขอไปต่อ” เปิดใจ 4 ผู้สมัคร ส.ส. รวมไทยสร้างชาติ

“ยังไหว ขอไปต่อ” เปิดใจ 4 ผู้สมัคร ส.ส. รวมไทยสร้างชาติ

“ยังไหว ขอไปต่อ” เปิดใจ 4 ผู้สมัคร ส.ส. รวมไทยสร้างชาติ กรุงเทพมหานคร พร้อมเดินหน้าการเมืองต่อ มั่นใจ รทสช.จะเติบโตเป็นพรรคหลักในการเมืองไทย จากการรวมคนทำงานหลายรุ่น และสามารถก้าวสู่การเป็นสถาบันการเมืองตามที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้ได้แน่นอน
.
ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ ตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เขตบางนา พระโขนง เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนในฐานะตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติได้เสนอตัวเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนในการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯ แม้จะไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่คะแนนที่ได้รับมาเป็นอันดับที่สองถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากสำหรับพรรคใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น และถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี โดยหลังจากผ่านการเลือกตั้ง ได้มีการถอดบทเรียนต่างๆ ออกมา เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาแก้ไขให้ดีกว่าขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีก
.
ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา กล่าวต่อว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่าสิ่งที่เป็นจุดเด่นของพรรคและเป็นจุดที่ประชาชนให้ความไว้วางใจมากที่สุด คือเรื่องของการยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ และความเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต รวมถึงความรู้ความสามารถของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้บริหาร ที่มีทั้งผู้มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกันเป็นการส่งผ่านประสบการณ์การทำงาน เพื่อให้พรรคเดินหน้าการทำงานด้านการเมืองต่อไปในอนาคต
.
“สำหรับเพื่อนๆ ผู้สมัครด้วยกันหลังการเลือกตั้งก็ได้มีการพูดคุยกัน ถอดบทเรียนร่วมกันว่าใครประสบปัญหาอะไรบ้างเพื่อแลกเปลี่ยน หลายคนยังเดินหน้าต่อ สำหรับครั้งนี้สิ่งที่พบเหมือนๆ กันคือเรื่องกระแส ที่จะต้องมาถอดบทเรียนกันต่อ เพราะวันหนึ่ง เราก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในกระแสหลักเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำคือการเรียนรู้ และทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป ส่วนในพื้นที่ กทม. เบียร์มองว่าหลายคนทำได้ดีเลยทีเดียวอยู่อันดับสอง อันดับสาม บางท่านอยู่อันดับสามแต่อยู่ในพื้นที่แข็งมาก ถือว่าเป็นเวทีที่เราภูมิใจในเพื่อนร่วมงานด้วยกันและดีใจที่หลายท่านยังจะเดินหน้าในการทำงานด้านการเมืองให้กับพี่น้อง กทม.ต่อค่ะ” ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา กล่าว
.
ด้านนายรณชัย สังฆมิตกล อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เขตลาดกระบัง กล่าวว่า พื้นที่ลาดกระบังเป็นพื้นที่กว้าง และมีความแตกต่างของประชาชน การทำงานของผู้ที่จะมาเป็นผู้แทนของ ประชาชนจะต้องเข้าถึง และใช้เวลาทำความเข้าใจกับปัญหาต่างๆ และมีความตั้งใจสูง ที่จะช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่นี้มากๆ ซึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมาตนก็ทำงานในพื้นที่มาตลอดเรียกได้ว่าเริ่มจากดินเลย อยู่กับชาวบ้าน ดีใจและขอบคุณ แม้ไม่ชนะแต่คะแนนเสียงที่ได้มาถือเป็นกำลังใจที่จะทำงานด้านการเมืองต่อไป
.

“ผู้ที่จะอาสาเข้ามาจะต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจสูง ผมก็ยังยึดมั่นใจสิ่งนี้ และหวังจะทำงานต่อ และต้องมุ่งพัฒนาตัวเองต่อไป โดยเฉพาะที่เห็นชัดเจนว่ายุคนี้นอกจากการเดินพบปะประชาชนแบบเคาะประตูบ้านแล้ว ยังต้องพัฒนาการสื่อสารให้เข้ากับยุคสมัย ซึ่งตรงกับแนวคิดของพรรคที่ผู้บริหารที่จะให้ผู้สมัครพัฒนาตัวเองต่อไป และยึดมั่นแนวทางของพรรคในการทำงานเพื่อส่วนรวม ด้วยการผสมผสานการทำงานของคนทุกรุ่นเข้ามา ผมยังไม่ท้อ ยังเดินหน้าทำงานในพื้นที่ต่อไป เพราะที่ผ่านมาผมก็ทำแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว”นายรณชัย กล่าว
.
ขณะเดียวกัน นายณัฐนันท์ กัลป์ยาศิริ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เขตคลองสามวา ให้ความคิดเห็นว่า จากการเลือกตั้งที่ผ่านมากระแสของการต้องการความเปลี่ยนแปลงมีมาก แม้หลายคนที่ยังคงชื่นชอบในแนวการบริหารแบบปัจจุบัน แต่ก็ยังอยากลองให้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องยอมรับเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ในส่วนของตนที่เข้ามาทำงานในด้านการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังขอยืนหยัดเดินหน้าต่อไป และจะใช้ช่วงเวลานี้ในการพัฒนาปรับปรุงจุดอ่อนต่างๆ โดยจากการแนวทางของพรรคที่ให้ผู้สมัคร และผู้ที่ยังสนใจจะทำงานให้กับส่วนรวมร่วมกับพรรค ซึ่งจะเน้นด้านการสื่อสารสมัยใหม่ ให้ทันตามยุคสมัยและเข้าถึงคนทุกกลุ่ม เพื่อให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองตามที่ผู้บริหารตั้งเป้าหมายไว้
.
“ผมขอยืนยันว่าจะทำงานด้านการเมืองต่อไป จากการลงพื้นที่รับรู้ถึงความนิยมของลุงตู่ โดยจุดเด่นของลุงตู่ คือเรื่องความซื่อสัตย์ การทำงานหลังจากนี้จะมีการพัฒนาปรับปรุงการทำงานเน้นการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่ยังคงมีจุดยืนในการยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่เปลี่ยนแปลง” นายณัฐนันท์ กล่าว
.
ทางด้าน นายฤกษ์อารี นานา อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เขตหนองจอก เปิดเผยว่า การที่มีโอกาสได้ลงพื้นที่พบประชาชนในพื้นที่ ตนได้เรียนรู้และทำความเข้าใจต่างๆ กับพี่น้อง ทั้งยังได้รับรู้ปัญหา และความต้องการต่างๆ ของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งต้องยอมรับว่า แม้ตนจะเป็นน้องใหม่ในทางการเมือง แต่มีใจที่อยากจะทำงานอย่างจริง ดังนั้นครั้งนี้จึงถือเป็นประสบการณ์ที่จะเก็บไว้เพื่อพัฒนาตัวเอง
.
“ผมขอยืนยันว่าจะทำงานทางการเมืองต่อไป เพราะเส้นทางนี้ของผมยังอีกยาวนาน และผมยังมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม ที่ผ่านมาทางพรรคก็ได้ย้ำเน้นเสมอว่าขอให้จริงจัง และจริงใจกับการเดินบนเส้นทางนี้ ซึ่งผมยึดถือมาตลอด”นายฤกษ์อารี กล่าว