ความจริงเรื่องนี้เป็นความคิดผมเองเลยนะครับ เพราะว่าสิ่งที่ผมเห็นเนี่ย มันเป็นปัญหาหลายเรื่องที่เกี่ยวกับหนี้ภาครัฐ ผมยกตัวอย่างเช่นกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษานะครับ มันมีการถกเถียงกันมากในก่อนหน้านี้ว่าจะยกเลิกนะครับ หรือจะฟ้องร้องบังคับคดีกันดี เถียงกันอยู่ 2 อย่างนะครับ ในขณะเดียวกันสิ่งที่ผมเห็นเนี่ย นโยบายการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาเนี่ย เรามีไว้เพื่อที่จะให้โอกาสกับเด็กๆของเราที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความรู้จากการศึกษา แต่เด็กเหล่านั้นจำนวนมาก เขาไม่มีเงินทุนพอที่จะเรียน เราเลยเกิดโครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาเพื่อให้เขาได้มีความรู้ แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้วได้ความรู้มาแล้วนะครับ เขาไม่ได้ใช้หนี้หรอก
การไม่ใช้หนี้เนี่ยมันมี 3 ประเภทครับ
ประเภทที่ 1. คือตั้งใจไม่ใช่พูดง่ายๆตั้งใจโกง ประเภทเนี้ยต้องจัดการเด็ดขาดครับต้องฟ้องร้องบังคับคดี เพราะเป็นคนที่ตั้งใจโกงเงินหลวง แล้วตัดโอกาสน้องๆคนอื่น
ประเภทที่ 2 เนี่ยเขาไม่ได้ตั้งใจโกงครับแต่เขายังหางานทำไม่ได้หรือได้งานแต่ว่าเงินเดือนเขาไม่เพียงพอนะครับ เขาไม่ได้อยากโกงแต่ไม่มีเงินให้
ประเภทที่ 3 คือมีเงิน มีงานแต่ภาระครอบครัวมีเยอะต้องดูแลพ่อแม่ พ่อแม่ชรา พ่อแม่ติดเตียง หรือต้องดูแลพี่ดูแลน้องๆอีก เพราะฉะนั้นแม้มีเงินเดือนมีรายได้แต่ไม่มากพอไม่พอชำระหนี้นะครับ
คน 2 ประเภทหลังเนี่ยคือประเภทที่เราไม่ควรที่จะดำเนินคดีอะไรกับเขาอย่างเด็ดขาด เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจโกงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะชำระ แต่เขามีความรู้ไงครับ เขามีความรู้ที่เราให้เขาเรียนมาแล้วขณะเดียวกันรัฐมีความต้องการคนมีความรู้ไปช่วยเหลือสังคมอีกเยอะ เพราะฉะนั้นจึงเกิดแนวทางว่าปลดหนี้ด้วยงานครับ หนี้กองทุนกยศ.เป็นตัวอย่างเนี้ยก็ไม่จำเป็นที่จะฟ้องร้องบังคับคดี ไปฟ้องกันได้กระดาษ หนึ่ง แผ่นครับเป็นคำพิพากษาว่าชนะคดีแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมา เมื่อเราส่งเขาไปมีความรู้ ทำไมเราไม่ให้โอกาสเขาเอาความรู้มาเจือจานน้องๆคนอื่นในสังคม หรือไปช่วยงานสังคมอื่นให้กับรัฐ เพราะฉะนั้นคนเหล่าเนี่ยที่เขาไม่ได้ตั้งใจโกง แต่มีภาระทางครอบครัวไม่มีงานทำก็ สามารถปลดหนี้ของเขาด้วยการใช้แรงงานใช้ความรู้มาทำงานให้กับรัฐแทน ถ้าทำอย่างนี้ได้ผมเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายตรงนี้ก็คือเรื่องของการปลดหนี้ด้วยงาน และหลักเกณฑ์กันเนี่ยอันเดียวกันเนี่ยเรา สามารถขยายไปเรื่องอื่นๆได้เช่นกองทุนหมู่บ้านและอะไรอีกหลายอย่างครับ