“ประยุทธ์” ยืนยันจะดูแลคนไทยทุกช่วงวัยทั้งประเทศ 70 ล้าน ลั่นหลังจากนี้ยังคงทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความสุขต่อไป เผยเข้าวัดอธิษฐานให้ประชาชนทุกคนให้มีความสุข และขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพแข็งแรงเพื่อทำงานให้กับประชาชนต่อไป และให้ครอบครัวปลอดภัย
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังวัดใหม่หญ้าไทร อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน รายงานสรุปการดำเนินโครงการปรับปรุง ระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมและภัยแล้ง
พล.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ซึ่งมีหลายอย่างที่รัฐบาลทำให้ประชาชน ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม แต่รัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่ การแก้ปัญหาโควิดใครจะว่าอย่างไรแต่รัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่จนได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ ประเทศไทยยังได้รับคำชมการวางโครงสร้างพื้นฐานซึ่งดีที่สุดในอาเซียน การให้บริการต่างๆ เราก็เป็นที่สองในอาเซียนรองจากสิงคโปร์จนต่างชาติได้มายินดีและพร้อมจะมาลงทุนด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมาวันนี้มาในฐานะนายกรัฐมนตรี ทำงานให้คนทั้งประเทศ 70 ล้านคน สิ่งสำคัญที่สุดคืออนาคตของลูกหลานพวกท่าน การศึกษาต้องเรียนต้องมีงานทำ แต่คนแต่งงานน้อยลงจะมีปัญหาเรื่องแรงงานในอนาคต ด้านสุขภาพรัฐบาลก็ดูแลเต็มที่ เรื่องบัตรทองดีกว่าเดิมหมด วันนี้ทุกคนเข้าถึงการบริการภาครัฐเกือบทั้งหมดแล้วทุกคนกดเงินทางโทรศัพท์ได้แล้วรัฐบาลพยายามจะเติมตรงนี้ให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า วันนี้ดีใจที่มาพบกันอีกครั้ง เมื่อเช้าได้ไปวัดมาหลายที่ได้ดูทั้งการท่องเที่ยวเศรษฐกิจระดับฐานรากอย่าให้คนมาเรียกเราว่าเป็นรากหญ้า แต่คือเศรษฐกิจฐานรากเพราะบ้านทุกหลังต้องมีฐาน ถ้าชุมชนเข้มแข็งประชาชนเข้มแข็งบ้านก็มั่นคง ดังนั้นต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง ด้วยการสร้างรายได้ในท้องถิ่นในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด อยุธยาได้เปรียบเพราะมีพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทานแม่น้ำเยอะ แต่บางทีน้ำอาจจะเยอะเกินไปด้วย ตนเห็นใจแต่สิ่งนี้ก็เกิดมาตั้งแต่โบราณ รัฐบาลได้ดูแลมาโดยตลอดแต่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลนี่คือสิ่งรัฐบาลพยายามตามเก็บมาโดยตลอดไม่ใช่เฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ต้องทำเรื่องเหล่านี้ต่อไปสิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือในการใช้พื้นที่
“ผมมาอยุธยาหลายครั้งและมีความสุขทุกครั้ง มีความอบอุ่นเช่นเคย เมื่อเช้าไปมาหลายวัด มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ่งที่ผมอธิษฐานคือ เพื่อชาติบ้านเมืองประชาชนทุกคนให้มีความสุข ก็อวยพรให้ตัวเองบ้างเพื่อให้ผมมีสุขภาพแข็งแรงเพื่อทำงานให้กับประชาชนได้ รวมทั้งให้ครอบครัวปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือเรื่องความเท่าเทียม ต้องเชื่อมโยงทุกคนเข้าสู่ด้วยกันได้สะดวก ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายนั่นคือเรื่องความเท่าเทียมด้านโอกาสและความเท่าเทียมในเรื่องกฎหมาย ทุกคนต้องมีกฎหมายที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องความเป็นธรรมเรื่องรายได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด ต้องหาเงินเข้าประเทศ วันนี้ไม่ได้มาหาเสียงแต่มาในนามของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องดูแลประชาชน 70 ล้านคน จะต้องดูคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กให้มีการศึกษาและต้องมีงานทำ ผู้สูงวัยก็จะต้องดูแลเพราะมีเด็กเกิดใหม่น้อยลง ส่วนในเรื่องสุขภาพเราก็ดูแลเต็มที่อยู่แล้ว พยายามจะทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่เราจะต้องแก้ปัญหาเรื่องความยากจนและการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ ปัจจุบันหลายคนก็เข้าถึงบริการภาครัฐกันได้เกือบหมดแล้ววันนี้เราต้องใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้มากที่สุดในอนาคตต้องคิดว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องคิดเรื่องนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มาพบกันด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง ด้วยความห่วงใยพวกเราเป็นคนในยุคเดียวกัน เมืองอยุธยาเป็นเมืองมีเสน่ห์เพราะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เมื่อสักครู่นั่งรถมาเห็นมีนาข้าวเต็มไปหมด ทั้งหมดอาจจะต้องดูว่า จะต้องปรับปรุงพันธุ์อย่างไร จะค้าขายอย่างไรให้ได้ดีรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหน้า ในส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า จะทำอย่างไรให้พื้นที่แข็งแรงและมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากๆ ตนได้คุยกับนักท่องเที่ยวหลายคนบอกว่าดีใจที่ได้มาเที่ยวเมืองไทย เพราะหลบหนาวเข้ามา คนไทยก็ให้ความอบอุ่นกับเขา พวกเขาดีใจ ดังนั้น เจอใครก็ยิ้มไว้อย่างเดียวเพราะประเทศไทยเป็นยิ้มสยามยิ้มสู้ไป อย่างน้อยใจเราก็ดีขึ้น ไม่โกรธไม่เกลียดอโหสิกรรมให้กัน ตนเป็นคนอโหสิทุกวันไม่ไปด่า หรือไปแช่งใคร ไม่สร้างบาปกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ตนอยากให้ส่งเสริมเรื่องของสินค้า OTOP พัฒนาในรูปแบบใหม่ให้เป็นอัตลักษณ์กับพื้นที่ เพื่อจะได้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า OTOP ได้มากขึ้นอย่าขายแบบเดิมๆ เช่น ผ้าไทยต่างๆ ผ้าขาวม้าไทยก็กำลังจะกลายเป็นสินค้าของโลก เพราะส่งขายต่างประเทศ ในส่วนเรื่องการท่องเที่ยวก็สำคัญ ขณะนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับในเรื่องดีๆ ขึ้น อยุธยายังเป็นหนึ่งใน 50 เมืองทั่วโลกที่ควรจะเดินทางมาท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด วันนี้รัฐบาลทำให้เป็นที่หนึ่งทั้งนั้น ต้องมุ่งในเรื่องของ soft Power วันนี้อย่าไปเครียดถ้าเครียดก็คิดอะไรไม่ออก มันต้องสู้ รัฐบาลมีลูก 70 ล้านคนมันเหนื่อย แต่คนก็พูดว่าถ้าเหนื่อยก็ออกไปสิ ตนพูดได้แค่นี้ว่า จะทำให้ถึงวันสุดท้ายที่จะทำให้ได้ ยืนยันว่าเวลานี้เหลือไม่มากแต่ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด วันนี้เจ็บมือแต่ไม่เจ็บใจเพราะได้มาเจอกับทุกคน วันนี้สู้ทุกอย่างเพราะนี่คือตนไม่ยอมไปจะต้องดูแลให้ดีที่สุดในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในตอนท้ายว่า วันนี้ดีใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคนปกติ ชอบพูดคนเดียวก็จะอารมณ์ดีแต่บางทีก็อาจจะเห็นในทีวีว่าหงุดหงิด เพราะหงุดหงิดกับคำถาม แต่ถ้าพูดคนเดียวก็จะไม่หงุดหงิด ยืนยันว่าหลังจากนี้จะยังคงทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความสุขต่อไป