พรรครวมไทยสร้างชาติจัดทัพว่าที่ผู้สมัครส.ส.อีสานครบทุกเขตพร้อมเปิดตัว 24 มี.ค.นี้ สั่งระดมพลลงพื้นที่ขนนโยบายโดนใจ ทั้ง “บัตรลุงตู่” ทำต่อแถมเพิ่มเงินพร้อมเป็นหลักยื่นกู้ฉุกเฉินจากธนาคารรัฐได้ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ชาวบ้าน เดินหน้าแก้ “หนี้บาป” จากเงินกู้กองทุนหมู่บ้านเมื่อ 20 กว่าปีก่อนจนชาวบ้านร้องกันระงง “วิทยา”ลั่นไม่กลัว “แลนด์สไลด์” เพราะผู้สมัคร รทสช.เดินกับชาวบ้านแบบใกล้ชิด ไม่ได้แค่ลอยอยู่ในอากาศแบบไม่มีตัวตน
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) เป็นประธานประชุมคัดเลือกว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคอีสานพรรครวมไทยสร้างชาติชุดสุดท้าย17 คนซึ่งในภาครวมทั้งภาคถือว่าครบทุกจังหวัดแล้ว พร้อมเตรียมแถลงเปิดตัวผู้สมัครว่าที่ส.ส.อีสานทั้งหมดในวันที่ 24 มีนาคม
นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ทางพรรคได้มีการประชุมผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานชุดสุดท้ายจำนวน 17 คน เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งถือได้ว่าขณะนี้พรรคได้ทำการสัมมนาผู้สมัครในภาคอีสานครบแล้วทั้ง 133 คนหลัง จากนี้ทุกคนก็จะลงพื้นที่นำนโยบายของพรรคไปชี้แจงให้กับประชาชน ทั้งนโยบายที่ได้เปิดรายละเอียดมาบ้างแล้ว และที่จะทยอยเปิดออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าพรรคมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับจุดเด่นของผู้สมัครภาคอีสานของพรรคนั้น คิดว่าทุกคนเป็นคนที่มีความตั้งใจทางการเมือง อาจจะไม่ใช่คนที่ย้ายพรรคมา หรือเป็นคนที่มีคะแนนโดดเด่น หรือเป็นอดีต ส.ส.แต่ทุกคนมีไฟในการเข้าไปทำงาน หลายคนเคยเป็น ส.ส.มาก่อนแต่ออกมาจากพรรคการเมืองอื่นเพราะว่าไม่ชอบใจในทิศทางทางการเมืองของพรรคนั้นๆ หรือต้องการที่จะลงสมัคร ส.ส.เขตมากกว่าการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้ตัดสินใจมาร่วมทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงเชื่อว่าพรรคมีว่าที่ผู้สมัครส.ส. ที่โดดเด่นไม่น้อยหน้าพรรคอื่นๆ ตามที่มีเสียงปรามาสอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ขอให้ตามดูกันไป เพราะจากการที่ตนได้สัมผัสและเสวนากับว่าที่ผู้สมัครทุกคนไม่มีใครกลัวกับคำว่า “แลนด์สไลด์” ทุกคนคิดว่านโยบายของพรรค เป็นนโยบายที่โดนใจชาวบ้านมากที่สุด และวันนี้กระแสตอบรับในตัว“นายกฯ ประยุทธ์” มาแรงมาก คนที่พูดอยู่บนเวทีข้างบนก็พูดได้เพราะไม่ได้ลงไปสัมผัสกับชาวบ้านจริงๆ แต่หากได้ลงไปใกล้ชิดก็จะรับรู้ได้ว่าวันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชนบทฐานรากแล้วจริงๆ โดยเฉพาะ บัตรลุงตู่ ที่คนอีสานพูดกันทั่วไปว่าวันนี้ อาหารพื้นฐานในชีวิตประจำวันที่ทำให้อุ่นใจว่าอย่างไรก็ไม่อด ทั้ง น้ำปลา กะปิ บะหมี่สำเร็จรูป ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือกับข้าวต่างๆ เต็มตู้ในสมัยลุงตู่ อย่างไม่เคยมีมาก่อน แล้ววันนี้ก็ยังพัฒนานโยบายด้านนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหาก “นายกประยุทธ์” และถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้กลับมาเป็นรัฐบาล บัตรประชารัฐก็ยังอยู่ต่อ และจะเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท
นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มสิทธิของบัตรเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านการเงินฉุกเฉินให้กับประชาชนในชนบทที่ทำให้ต้องกลายเป็นหนี้นอกระบบ โดยจะสามารถนำบัตรนี้เป็นหลักประกันในการกู้เงินกับธนาคารของรัฐได้ 10,000 บาท และคนที่จะผ่อนให้ก็คือรัฐบาลที่จะหักหนี้ให้กับธนาคารครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
“ถามว่าเป็นประชานิยมหรือเปล่า ผมคิดว่าไม่ใช่ วันนี้เรากำลังตอบโจทย์ว่า 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านทำให้บ้านเมืองเข้มแข็ง จากบ้านเมืองที่อ่อนแอ เป็นหนี้เป็นสิน แม้จะเป็นการกู้ก็จริงแต่เรามีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจขึ้นแล้ว และพอที่จะเริ่มให้รัฐสวัสดิการกับประชาชนได้” นายวิทยา กล่าว
รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พรรคยังได้รับเสียงจากประชาชนขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่เกิดจากกับดักกองทุนหมู่บ้านมานาน 20 กว่าปี กู้ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบันก็ยังต้องส่งดอกเบี้ยและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหลุดพ้น เปรียบเสมือนหนี้บาปของกองทุนหมู่บ้านที่ทิ้งไว้ ซึ่งพรรคกำลังหาวิธีการแก้หนี้นี้ให้กับประชาชนและเรามีวิธีการ ที่เคยบอกว่าชอบอดีตนายกฯ ที่ให้หมู่บ้านละล้านแต่ตอนนี้คำตอบอยู่ที่ชนบทประชาชนแล้วว่าบทสรุปคืออะไร
“ตอนนี้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทุกคน ได้ลงพื้นที่กันอย่างเต็มที่แล้ว และทุกคนไม่คิดว่าเป็นรองใคร ใครที่บอกว่าแลนด์สไลด์ ก็รอดูกันว่าใครจะแลนด์สไลด์กันแน่ เพราะผู้สมัคร ของเราเดินอยู่กับชาวบ้านไม่ได้แค่ลอยอยู่บนอากาศ” นายวิทยากล่าว