นายกรัฐมนตรีอ้อนคนระนอง “รักจังฮู้” ย้ำให้นำศักยภาพที่แข็งแกร่งของจ.ระนองทั้งด้านเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวมาพัฒนาขับเคลื่อนให้เจริญก้าวหน้า สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืน ขณะที่ประชาชน ต่างให้กำลังใจขอให้ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดระนอง เพื่อติดตามการดำเนินงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาล รวมถึงอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาปรับปรุงการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งเกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง
จุดแรกเดินทางมาที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง เพื่อตรวจติดตามสภาพปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และพบปะประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาขาดแคลนนาอุปโภค บริโภค โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายอำเภอสุขสำราญ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยม และมีประชาชนมาให้กำลังใจจำนวนมาก
พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับฟังสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จากนายอำเภอสุขสำราญ โดยสภาพปัญหาคือแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่มีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานกว่า 25 ปี ทำให้ท่อส่งน้ำมีสภาพเสื่อมโทรม และชำรุดเสียหาย ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำหลักในพื้นที่จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายคลองกำพวน และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายบ้านโตนกลอย และเนื่องจากทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการถ่ายโอนภารกิจแล้ว โครงการชลประทานระนองจึงไม่สามารถขอรับสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมได้ ส่งผลให้ราษฎรขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในช่วงที่เกิดการชำรุดเสียหายของท่อส่งน้ำ
ทั้งนี้ เทศบาลตำบลกำพวนได้ซ่อมแซมและให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยโครงการชลประทานระนองได้ประสานไปยังส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 14 เพื่อพิจารณาโครงการเบื้องต้น เป็นโครงการฝายคลองโตนกลอยพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหา วงเงินงบประมาณ 40.60 ล้านบาท คาดว่าจะจัดเข้าแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีปัญหากัดเซาะชายหาดบ้านทะเลนอก ระยะทาง 7 กิโลเมตร รวมถึงระบบไฟฟ้า เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการทำงานร่วมกันในการเร่งช่วยเหลือดูแล แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เป็นผลสำเร็จภายในปีนี้ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ ได้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดินทางมาจังหวัดระนองเพื่อมารับฟังปัญหาและหาแนวทางพัฒนาปรับปรุงให้การดำเนินงานสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนไปตามแผน รวมทั้งตั้งใจมาขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของจังหวัดระนอง ทั้งด้านเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยย้ำให้ทุกคนนำศักยภาพที่จังหวัดระนองมีอยู่ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ และการเป็นจังหวัดที่ติดกับทะเล ที่จะเชื่อมไปฝั่งอันดามันและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้า สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ขอให้ทุกคนมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ รวมถึงการร่วมมือกันในประเทศและต่างประเทศ ในการลดโลกร้อนที่เกิดขึ้น ต้องร่วมกันรักษาป่า และปลูกป่า สร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อดูดซับคาร์บอน และสามารถใช้ในการเป็นคาร์บอนเครดิต ที่จะสร้างรายได้ในอนาค
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องและให้ความสำคัญ คือการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนฐานรากของประเทศ โดยรัฐบาลจะพยายามหางบประมาณมาดูแลตรงนี้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ขอให้ประชาชนทุกคนได้พัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการใช้ soft power ด้านอัตลักษณ์ท้องถิ่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยรัฐบาลพร้อมดูแลปัญหาต่าง ๆ ตามที่จังหวัดระนองเสนอมา รวมถึงปัญหาเรื่องไฟฟ้าเพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการหาแนวทางปลดล็อคข้อจำกัดทางกฎหมาย รวมถึงการพัฒนาแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในด้านการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้ประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานสะอาดเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือประชาชนห้ามเผา เพราะเป็นสาเหตุของฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ พร้อมย้ำให้ อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนไม่เผา เพื่อป้องกันและลดปัญหา PM2.5 รวมถึงเตรียมความพร้อมในการทำเกษตรปลอดภัย และทำเกษตร ปลูกพืชในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ป้องกันการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ พร้อมย้ำส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเรียนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปฏิรูปและพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และขอให้หน่วยงานท้องถิ่นร่วมกันพัฒนาขับเคลื่อนการศึกษาในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาคนได้อย่างเต็มศักยภาพแท้จริง จบมาแล้วมีงานทำ มีอาชีพและรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว และเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาให้เจริญอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ยังได้พูดภาษาใต้กับประชาชนชาวอำเภอสุขสำราญว่า “รักจังฮู้” โดย ประชาชนต่างปรบมือให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินพบปะทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยมี ประชาชนชาวอำเภอสุขสำราญและพื้นที่ใกล้เคียงของจังหวัดระนอง มาต้อนรับและมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและคณะในการทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป