Skip to content
Home » “ประยุทธ์” ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ปักธงชัยโคราชเปิดแคมเปญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”

“ประยุทธ์” ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ปักธงชัยโคราชเปิดแคมเปญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”

“ประยุทธ์” ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ปักธงชัยโคราชเปิดแคมเปญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคอีสานของพรรครวมไทยสร้างชาติ เผยที่ผ่านมามีผลงานจำนวนมากเพื่อความเจริญของคนทั้งประเทศ ย้ำโครงการที่ ทำแล้ว ทำอยู่ เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ทั้งระบบรางทั่วประเทศ ถนน ระบบน้ำ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง มาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด การรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุฯ รองรับสิ่งที่จะทำต่อคือ การสร้างรายได้เข้าประเทศ

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 18.25 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 2 ของพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อเปิดตัวแคมเปญหาเสียง “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” โดยมีผู้บริหารของพรรค นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รวมทั้ง แกนนำพรรค ประกอบด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น นายธนกร วังบุญคงชนะ นายอนุชา นาคาศัย นายอนุชา บุรพชัยศรี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานของพรรคร่วมเวทีอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางประชาชนร่วมฟังหลายหมื่นคน ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ ก่อนหน้าจะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ พลเอกประยุทธ์ ได้ร่วมทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ลานย่าโมเพื่อความเป็นศิริมงคล สำหรับแคมเปญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” เป็นสโลแกนที่พลเอกประยุทธ์คิดขึ้น เพื่อบอกเล่าสิ่งที่ได้ทำมา กำลังทำอยู่ในช่วงที่ผ่านมา และสิ่งที่จะทำต่อในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

บนเวทีปราศรัยช่วงแรก มีผู้บริหารและแกนนำพรรคขึ้นเวทีทักทายปราศรัยพี่น้องประชาชน เริ่มจาก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น นายธนกร วังบุญคงชนะ นายอนุชา บุรพชัยศรี นายอนุชา นาคาศัย นายประนอม โพธิ์คำ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายเสกสกล อัตถาวงศ์ และ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค

จากนั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย ก่อนที่พลเอก ประยุทธ์ จะเดินทักทายประชาชนจากลานย่าโมมายังเวทีปราศรัย ณ ลานหน้าศาลากลางจังหวัด

พลเอกประยุทธ์ ได้ทำพิธีปักธงชัยชนะบนเวทีร่วมกับแกนนำพรรค ก่อนเริ่มการปราศรัยว่า ตนดีใจที่วันนี้ได้มาพบกับพ่อแม่พี่น้องชาวโคราช เพราะโคราชซึ่งเป็นบ้านเกิด ตนเกิดที่นี่ที่ค่ายสุรนารี เพราะว่าพ่อเป็นทหาร ต่อมาก็ย้ายไปลพบุรี จากนั้นย้ายเข้ากรุงเทพฯ ตนก็ต้องย้ายตามไปด้วย แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนความเป็นลูกอีสาน เป็นลูกหลานย่าโมยังอยู่ในสายเลือด เป็นสิ่งที่ตนภาคภูมิใจเพราะคนอีสานเป็นนักสู้ สู้ชีวิตไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมาเป็นประตูสู่ภาคอีสาน จะไปขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย หรือสุรินทร์ ก็ต้องผ่านโคราช แต่ถนนที่พาทุกคนเข้าประตู่สู่ภาคอีสานมีอยู่สายเดียวคือ ถนนมิตรภาพซึ่งใช้กันมากว่า 60 ปี อีกทั้งทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-โคราชเป็นรถไฟสายแรกของประเทศไทย อายุ 122 ปีแล้ว ไม่มีการปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้น ไม่มีใครสนใจ โครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ซึ่งเก่าทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ไม่สะดวกสบาย เป็นอุปสรรคในการเดินทางของประชาชน การขนส่งสินค้าก็ไม่ตรงเวลา ใช้เวลานานแถมเป็นภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นให้กับประชาชน

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า การลุงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นงานใหญ่งานยากใช้เงินจำนวนมากหลายหมื่นล้าน ต้องเวนคืนที่ดิน มีปัญหาร้องเรียน ขัดแย้งกับประชาชนมากมายและใช้เวลานานหลายปี จึงไม่มีใครทำ เพราะกว่าถนนจะเสร็จใช้งานได้ คนก็ลืมไปแล้วว่าใครสร้าง ใครเป็นคนเริ่มทั้งๆ ที่มันต้องทำ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันนี้ และวันข้างหน้า ดังนั้นตนต้องทำ ต้องวางแผน ต้องเริ่มให้ เพราะว่ามันคืออนาคตของชาติ คือสิ่งที่คนรุ่นเราจะสร้างและส่งต่อให้ลูกหลานของเราได้ใช้ประโยชน์

“ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีวันแรก ผมตัดสินใจเด็ดขาดว่า เรื่องหนึ่งที่ต้องทำให้ได้ทำให้เสร็จคือ การลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขึ้นมาใหม่และสร้างใหม่ ไม่ใช่ซ่อมหรือปรับปรุงของเก่า และไม่ใช่ทำทีละสาย แต่ทำทั่วประเทศพร้อมกันไปเลย ต้องเริ่มนับหนึ่งได้ก่อนแล้วสิ่งดีๆ ก็จะตามมา ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก ใช้เงินมาก ใช้เวลานาน ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้ แต่ผมจะทำเพราะถ้าไม่มีใครทำ ที่ผ่านมา 30-40 ปีไม่มีใครทำอะไรเลย การลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตเพื่อลูกหลาน คนไททยรุ่นต่อ ๆ ไป ลงทุนทีเดียวอยู่ได้ถึง 100 ปี” พลเอกประยุทธ์กล่าว

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำแล้วทำอยู่ทุกคนรู้อยู่แล้ว มอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ที่โคราช มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ตนทำแล้ว เพื่อแบ่งเบาการจราจรบนถนนมิตรภาพ ไม่ต้องไปนั่งรถติดหลายๆ ชั่วโมง สร้างมาหลายปีแล้ว บางคนถามว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์หรือยัง เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ ระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร บางช่วงติดขัด มีเรื่องการร้องเรียนของประชาชน การเวนคืนที่ดินต้องใช้เวลา คุยกันให้ลงตัว ต้องขอขอบคุณที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้อง ไม่ละเมิดกฎหมาย เคารพสิทธิของประชาชนด้วย บางช่วงก็ต้องออกแบบใหม่ เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลง เมื่อทำแล้ว ก็ต้องทำให้ดี ให้ปลอดภัย ซึ่งมีข่าวดีคือ กรมทางหลวงบอกว่าอีก 2 ปีเสร็จทั้งสายแน่ และจะทยอยเปิดให้ใช้ได้บางส่วนก่อนในปีนี้

สำหรับ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 250 กิโลเมตร วิ่งได้เร็วถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกของประเทศไทยทำแล้ว กำลังทำอยู่ จะเสร็จปี 2570 และจะทำต่อไปอีก โดยมีแผนจะขยายต่อไปให้ถึงหนองคาย และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน รถไฟทางคู่ทำแล้ว และกำลังทำอยู่จากแก่งคอย มาถึงขอนแก่นและจะทำต่อไปให้ถึงหนองคาย ภาคอีสานมีรถไฟสายหลัก 2 สาย ไปหนองคาย ไปอุบลราชธานี ตนให้ทำสายที่ 3 ขึ้นมาใหม่จากบ้านไผ่ไปถึงนครพนมระยะทาง 354 กิโลเมตร ผ่าน 6 จังหวัดที่ไม่เคยมีรถไฟผ่าน ประมูลและได้ผู้ก่อสร้างแล้วอีก 6 ปีแล้วเสร็จ มีถนนที่ไหนมีรถไฟที่ไหนเจริญแน่นอน

พลเอกประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า อีก 5 ปีโคราชจะเจริญมากมีทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มีมอเตอร์เวย์โคราชจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม เป็นจุดเชื่อมต่อกรุงเทพฯ ภาคกลาง กับภาคอีสาน และเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงประเทศจีน ซึ่งโคราชจะเป็นแกนกลางร่วมกับ 3 จังหวัดภาคอีสานคือ หนองคาย อุดรธานี และขอนแก่น เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ภาคอีสานเชื่อมต่อ EEC สร้างเมืองน่าอยู่ อุตสาหกรรมสมัยใหม่ เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ และจะผลักดันให้โคราชเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกในปี 2572 ให้คนไทย คนต่างประเทศได้มาท่องเที่ยว สัมผัสโคราช เสน่ห์แห่งอีสานเป็นล้านคน

ทั้งนี้ นอกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต เพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ตนยังเป็นห่วงเรื่องปากท้องเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนโดยพาะเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา ที่มีปัญหาเรื่องรายได้ เรื่องราคาข้าว ราคามันสำปะหลัง ที่มีต้นทุนสูง แต่ราคาขายต่ำ ขายแล้วขาดทุน เป็นหนี้เป็นสิน ตนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และได้ทำโครงการสนับสนุนต้นทุนปลูกข้าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ค่าสนับสนุนต้นทุนการผลิต ค่าปุ๋ย ค่าเกี่ยวข้าว ไร่ละ 700 บาท ไม่เกิน 5 ไร่ต่อครอบครัวซึ่งอันนี้ “ทำไปแล้ว” ตอนนี้ก็ทำอยู่ สำหรับสิ่งที่จะทำต่อไปคือเพิ่มให้มากขึ้นเพราะโลกมันเปลี่ยนแปลง โลกเกิดวิกฤตกระทบไทยด้วย ต้นทุนก็สูงขึ้น ตนคิดไว้คร่าวๆ ที่เคยได้ไร่ละ 700 บาทจะเพิ่มเป็น ไร่ละ 2,000 ครอบครัวละ 5 ไร่ เคยได้กันปีละ 3,500 บาทก็เพิ่มเป็น 10,000 บาท ตนอยากจะเพิ่มให้จะได้ทันกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

นอกจากนั้น อีกเรื่องที่อยากจะทำคือ การตั้งกองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร ราคาข้าว ราคายาง ในโคราช และจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานทุกภาคเลย อาชีพหลักคือ การทำเกษตร ข้อมูลของกระทรวงเกษตรเมื่อปี 2563 เรามีเกษตรกรประมาณ 10 ล้านคนจริงๆ แล้ว น่าจะมากกว่านี้ เป็นคนกลุ่มใหญ่ เกษตรกร ถือเป็น “สันหลังของชาติ” เป็นกำลังซื้อ เป็นกลไกสำคัญ ในระดับเศรษฐกิจฐานราก ปีไหนข้าวราคาดี ยางราคาดี มันราคาดี เก็บเกี่ยวขายผลผลิตแล้ว ก็จะใช้จ่าย สร้างบ้านใหม่ ซื้อรถ บวชลูกชาย ปีไหนราคาพืชผลไม่ดี ขาดทุน กำลังซื้อตรงนี้จะหายไป เศรษฐกิจก็จะซบเซา กำลังซื้อของเกษตรกรเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัว ตอนที่เกิดโควิดไม่มีนักท่องเที่ยวมาเลย ทำให้เห็นว่าจะพึ่งแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วต้องหาอะไรที่ยั่งยืน พึ่งตัวเองได้ ก็คือ การบริโภคภายในประเทศ ตอนที่เกิดวิกฤตโควิด รัฐบาลทำโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่าย โดยรัฐจ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งได้ผลดีในการกระตุ้นให้เศรษฐกิจหมุนเวียน กองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร ก็มีเป้าหมายเดียวกันคือ ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ ขายข้าวได้ราคา ได้เงินมาไปจับจ่ายใช้สอย ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียน มันก็จะขยับไปได้

พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อนที่ราชการ เรื่องที่ดินทำกิน เป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรกรทั่วประเทศ รวมทั้งที่โคราชด้วย ที่หลายๆ อำเภอ เช่น วังน้ำเขียว ครบุรี เสิงสาง มีประชาชน 400 กว่าราย ถูกดำเนินคดี ด้วยเรื่องที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และไปอยู่ในแนวเขตอุทยานทับลาน ล่าสุดมีข้อเสนอที่จะเป็นทางออกที่ดีแล้ว โดยจะนำข้อสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ จากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อเห็นชอบเร็วๆนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างยั่งยืน หลังจากที่ยืดเยื้อมานานหลายปี

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ดินเป็นปัญหาซับซ้อน ยืดเยื้อ เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากทั้งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมที่ดิน กรมป่าไม้ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน กรมธนารักษ์ ฯลฯ ถือกฎหมายกันคนละฉบับแผนที่ที่ใช้ก็มีมาตราส่วนแตกต่างกัน เมื่อปี 2565 รัฐบาลอนุมัติผลปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการ หรือที่เรียกว่า“One map” จำนวน 11 จังหวัดในภาคกลางและให้ไปดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปี จะเอามาใช้แก้ปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนที่โคราชนี้ด้วย นี่คือสิ่งที่ทำไปแล้ว และทำอยู่ สิ่งที่จะทำต่อไปคือ แก้กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินทั้งหลายเพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมีที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ ได้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกิน ในที่ดินนั้น ไม่ต้องกลัวว่า จะโดนฟ้องขับไล่ หรือถูกดำเนินคดี

สำหรับ เรื่องบัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิเดือนละ 1,000 บาท ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำไปแล้ว กำลังทำอยู่ และที่จะทำต่อ มีเยอะพูดทั้งคืนก็ไม่จบโดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะทำต่อ คือ ให้มีเพิ่มสิทธิเป็น 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะเริ่มจากกลุ่มที่มีรายได้น้อยก่อน แล้วเมื่อเราจัดเก็บรายได้ได้สูงขึ้น ก็จะขยายกลุ่มเพิ่มเงินให้ตามลำดับต่อไป ตนจะไม่ขายฝัน ที่ทำไม่ได้เราตั้งใจ และศึกษาแนวทางมาแล้ว ให้ทุนเรียนวิชาชีพ อำเภอละ 100 ทุน

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องระบบหมอ 24 ชั่วโมง ปรึกษาหมอผ่านระบบแพทย์ทางไกล การดูแลผู้สูงอายุ ให้เบี้ยยังชีพ ซึ่งทำแล้ว ทำอยู่ คือ ให้เป็นขั้นบันได อายุ 60 ได้เดือนละ 600 บาทอายุ 70 ได้ 700 อายุ 80 ได้ 800 สิ่งที่จะทำต่อ คือ ให้เท่ากันทุกช่วงอายุ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน เรื่องนี้ก็ใช้เงินมากเช่นกัน เราก็จึงจะขอเริ่มจากกลุ่มที่มีรายได้น้อยก่อน นอกจากนั้น มีศูนย์สันทนาการ จะได้มีสังคม ไม่เหงา หรือลดภาษีให้ผู้ประกอบการที่จ้างผู้สูงวัยทำงานที่จ่ายค่าตอบแทนสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า มีสิ่งที่จะทำต่ออีกคือ ต้องเตรียม ต้องสร้างบ้านเมืองให้ชาวโลกอยากมาเที่ยวมาใช้จ่าย มาอยู่ มาลงทุนเพื่อหารายได้เข้าประเทศ หาเงินเข้ากระเป๋าประชาชน ทุกอาชีพ ทุกพื้นที่ของประเทศ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การหารายได้เข้าประเทศ มาลงทุนในโครงการต่างๆ มากมาย ต้องใช้งบประมาณรวมกันแล้ว หลายหมื่นหรือหลายแสนล้าน เราต้องคิดว่า จะหาเงินมาจากไหน เงินในประเทศมาจากภาษี รายได้ของรัฐวิสาหกิจไม่พอ เราต้องไปหารายได้จากต่างประเทศ ที่ผ่านมาเรามีรายได้จากการส่งออก การท่องเที่ยวซึ่งมีความไม่แน่นอน และไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด สิ่งที่เราต้องการคือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การดึงคนต่างชาติที่เกษียณแล้วมีรายได้สูง มีศักยภาพสูง ให้มาใช้ชีวิตใช้จ่ายในประเทศไทย หลายฝ่ายอาจจะมีความเป็นห่วงว่า เขาจะเข้ามายึดพื้นที่ ยึดที่ดินไปหมด เรื่องนี้เราได้ศึกษาอย่างรอบคอบ จะมีการดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบอย่างที่เป็นห่วงแน่นอน ซึ่งเราต้องปรับปรุงกฎหมายเดิม ลดจุดอ่อน ทำให้ดีขึ้นกว่าเก่า

“สิ่งที่รัฐบาลทำแล้ว ทำอยู่ คือ การทำประเทศไทยให้มีคุณภาพ เช่น มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ มีเป้าหมายเพื่อรองรับสิ่งที่จะทำต่อ คือ การสร้างรายได้เข้าประเทศ เรื่องที่เป็นปัญหาเรื้อรังผมแก้ไขแล้ว สิ่งที่จะทำให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สิ่งที่เป็นการสร้างอนาคตของชาติผมทำแล้ว และทำอยู่ ถ้าอยากให้ผมทำต่อ พี่น้องชาวโคราชต้องเลือก ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมไทยสร้างชาติ ยกจังหวัดทั้ง 16 เขตเลือกตั้ง” พลเอกประยุทธ์กล่าว