ดร.ดวงฤทธิ์ ชี้ปลดล็อกกฎหมาย ช่วยเดินหน้าเศรษฐกิจแบบยั่งยืน
มั่นใจ “รวมไทยสร้างชาติ” หนุนเอสเอ็มอี-ธุรกิจฐานรากได้แน่นอน
ดร.ดร๊าฟ – ดวงฤทธิ์ ชี้ “รวมไทยสร้างชาติ” เดินหน้าทำงานร่วมกับกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ทั้งพ่อค้าแม่ค้า และเอสเอ็มอีขนาดเล็ก-ขนาดกลาง หลัง “พีระพันธุ์” หัวหน้าพรรค วางนโยบายชัดเจน มุ่งแก้กฎหมายปลดล็อกอุปสรรคการเดินหน้าของธุรกิจกลุ่มย่อยให้เข้าถึงการส่งเสริมของภาครัฐได้จริง จนได้รับการสนับสนุนท่วมท้น ระบุที่ผ่านมาภาครัฐมุ่งจัดอีเว้นท์ส่งเสริมเอาแสงแล้วก็หายไป นโยบายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เชื่อถ้ามีกฎหมายคุมไว้จะแก้ปัญหาได้ยั่งยืน ธุรกิจคนตัวเล็กๆ ไม่หยุดชะงักแน่นอน
ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้สื่อสารนโยบายและแนวคิดในการทำงานของพรรค ที่มุ่งเน้นเรื่องการแก้ไขกฎหมายเพื่อปลดล็อกปัญหาหลายเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนและทำให้การพัฒนาประเทศล่าช้าไปแล้วนั้น ตนและทีมงานสมาชิกพรรคทุกคนก็เริ่มทำงานลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในทุกภาคส่วน เพื่อชี้แจงในรายละเอียดและทิศทางการทำงานดังกล่าว โดยในส่วนของตนขณะนี้เน้นไปในเรื่องการสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรค มีเป้าหมายในการช่วยเหลือส่งเสริมและขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ตั้งแต่ระดับพ่อค้า แม่ค้าประชาชนทั่วไป วิสาหกิจชุมชน ไปจนถึงกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือสนับสนุนของรัฐได้อย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริง
ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ทีมทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจของกลุ่มเหล่านี้ เพราะเชื่อว่าเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และเป็นกลุ่มธุรกิจเกี่ยวข้องโดยตรงกับความเป็นอยู่ปากท้องของประชาชน ซึ่งหลังจากลงไปพูดคุยระดมสมองร่วมกัน พบว่าส่วนใหญ่มีปัญหาคล้ายกัน คือการติดขัดเรื่องข้อกฎหมายทำให้ไม่สามารถทำธุรกิจได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเข้าถึงแหล่งทุน การแก้ไขกรณีธุรกิจเกิดปัญหาติดขัด หรือการเข้าไม่ถึงองค์ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งเรื่องของเทคโนโลยี หรือ การส่งเสริมด้านนวัตกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่ากฎหมายของประเทศไทยในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการใช้อำนาจควบคุมการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนมากกว่าการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา ทำให้เอกชนเองไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้ เนื่องจากติดล็อกในเงื่อนไขต่างๆ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงเห็นด้วยว่านโยบายการปลดล็อกทางกฎหมายของพรรคน่าจะช่วยให้เอกชน โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากสามารถเดินหน้าต่อได้ดีขึ้น
“จากการที่เราลงไประดมสมองกับพี่ๆ เอสเอ็มอี จะเห็นได้ว่ากลุ่มเศรษฐกิจฐานราก คนตัวเล็กเหล่านี้เขาพยายามสู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด แม้จะบอกว่ามีนโยบายของรัฐส่งเสริม มีการจัดอีเว้นท์ต่างๆ แต่ก็เหมือนจะไปไม่สุด เพราะเขาไม่สามารถที่จะเข้าถึงการส่งเสริมต่างๆ เหล่านั้นอยู่ดี ซึ่งต้องย้อนมาเรื่องของกฎหมาย ที่เน้นการควบคุมมากกว่าการส่งเสริม ทำให้เกิดกระบวนการยุ่งยากเกินกว่าที่จะใช้ได้ ขณะที่บริษัทใหญ่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ปัญหาที่สองคือ ผู้ประกอบการเหล่านี้เขาต้องการอะไรหลายอย่างซึ่งภาครัฐมีอยู่แล้วในการสนับสนุนส่งเสริม เช่น เรื่องเทคโนโลยี และนวัตกรรม แต่พวกเขาส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงและไม่สามารถได้นำเอาไปใช้ จะมีภาคธุรกิจส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ หรือบางกลุ่มต้องการเข้าไปขอใช้นวัตกรรม หรือเทคโนโลยี หรือขอรับการสนับสนุน แต่ก็ติดที่กระบวนการและขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อนเกินไป สิ่งเหล่านี้ คืออุปสรรคที่ทำให้พวกเขาต้องพึ่งตัวเองมากกว่าพึ่งรัฐ” ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าว
ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะทำให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการกำหนดนโยบาย แต่จะลงลึกไปถึงเรื่องการแก้ไขและปรับปรุงกฎหมาย เพราะการทำแค่นโยบายขึ้นมา หากคนทำเปลี่ยนไป นโยบายก็เปลี่ยนตาม สิ่งที่เคยกำหนดไว้ การทำงานที่ลงทุนไปแล้ว ก็ต้องมาหยุดลงตามไปด้วยทำให้เสียเปล่า แต่หากเป็นการกำหนดโดยกฎหมายแม้จะเปลี่ยนคน เปลี่ยนนโยบาย แต่มีกฎหมายเพื่อสนับสนุนส่งเสริมภาคเอกชนยังอยู่ งานจะยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ จะทำให้การทำงานไปถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน
ดร.ดวงฤทธิ์ ยอมรับว่า ในช่วงแรกที่ลงไปพูดคุยกับภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นด้วย และเมื่อได้ทำงานร่วมกันมากขึ้น ลงลึกในรายละเอียดมากขึ้นก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และแสดงความคิดเห็นว่าพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะแก้ไขได้ด้วยกฎหมาย เมื่อรับฟังนโยบาย แนวคิด และคำอธิบายของ นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ทำให้เข้าใจดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า นโยบายมันเปลี่ยนไปมาได้ แต่ถ้าเป็นกฎหมายกำหนดไว้แล้ว ก็จะทำให้สามารถทำต่อได้ เพราะไม่มีใครจะมากระทำผิดกฎหมาย หรือไม่ทำตามกฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ
“สิ่งที่พรรครวมไทยสร้างชาติ บอกมาตลอดคือการเน้นที่เศรษฐกิจฐานราก ไปจนถึงเศรษฐกิจระดับที่ใหญ่ขึ้นในกลุ่มเอสเอ็มอี ผลจากการทำงานมีทิศทางที่สอดคล้องกัน และพูดลงไปในเรื่องรายละเอียดเช่น การสนับสนุนเรื่องซอฟพาวเวอร์ ที่ตอนนี้คนพูดกันเยอะว่าจะทำ ก็ต้องทำอย่างจริงจังและชัดเจน เลือกว่าจะเอาอะไร ประเทศเราต้องยอมรับว่าพลังเราจำกัด กระสุนเราจำกัด ต้องเอาความจริงมาคุยกัน ภาครัฐต้องอย่าคิดเอง ภาคเอกชนพร้อมถ้ารัฐจะสนับสนุน ที่ผ่านมาพวกเขาสู้ด้วยลำแข้งมาโดยตลอด ถ้าจะช่วยเขาต้องช่วยอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่มาเอาแสงแล้วแยกย้าย ผมอยากจะบอกว่าเรื่องที่พรรครวมไทยสร้างชาตินำเสนออาจจะดูไม่เยอะ แต่เราทำจริงและทำให้เกิดผลที่เป็นจริงได้ เช่น การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เราลงลึก ไม่ทำแค่ฉาบฉวย หรือแค่หาเสียง ผมมั่นใจเต็มร้อยว่าเราทำได้ มั่นใจในอุดมการณ์ของพรรค ไม่อย่างนั้นผมไม่มา และพวกเราพร้อมทำงาน ผมอาจจะอ้อนไม่ค่อยเก่งแต่อยากให้พี่น้องเชื่อว่า พวกเราพรรครวมไทยสร้างชาติทำงานจริงจัง และทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ทุกคนครับ” ดร.ดวงฤทธิ์กล่าว