ชาวบ้านราชบุรีเฮ พีระพันธุ์ ช่วยสางปัญหาที่ดินทับซ้อนป่าสงวน หลังแบงก์ปฏิเสธเงินกู้ สอบพบเป็นที่ดินมีเอกสารถูกต้อง สั่ง จนท.ออกหนังสือยืนยันความถูกต้องให้ทำธุรกรรมได้ พร้อมช่วยผู้ประกอบการ “ร้านยา-เกษตรกรสตาร์ทอัพ” หาแนวทางกำจัดอุปสรรคเดินหน้าธุรกิจ
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ช่วยสางปัญหาที่ดินชาวบ้าน ม.1 ต.หินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังร้องเรียนนำไปใช้ทำธุรกรรมกับธนาคารไม่ได้ เพราะถูกระบุว่าอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังตรวจสอบที่ดินจังหวัดและป่าไม้ ระบุเป็นพื้นที่ที่ได้รับการยกเว้นสามารถออกเอกสารสิทธิถูกต้องและใช้ได้ตามกฎหมาย จึงสั่งการให้ 2 หน่วยงานออกหนังสือยืนยันความถูกต้อง พร้อมแจ้งกรมป่าไม้ส่วนกลางทำพื้นที่กันออกจากเขตป่าสงวนฯ เพื่อความชัดเจนไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก พร้อมกับช่วยหาแนวทางอีก 2 เคสหลังร้านขายยาขอให้ช่วยเรื่องข้อกำหนดเภสัชการประจำร้านที่ไม่เพียงพอแต่หากไม่มีจะถือว่าทำผิดกฎหมาย และสาวสตาร์ทอัพร้องช่วยหาทางออกด้านเงินทุนเพื่อเดินหน้าธุรกิจ
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. (วานนี้) ที่ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เป็นประธานประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมด้วยนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนจากการยื่นเรื่องร้องเรียนของประชาชนจาก พื้นที่ ม.1 ต.หินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเรื่องเอกสารสิทธิที่ดิน ที่ไม่สามารถนำไปทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารได้ โดยได้เชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง มาสอบถามข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา
นายอรรถพล พระลักษณ์ นายกเทศมนตรี ต.หินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี ตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่าสืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ หมู่ 1 ต.หินกอง อ.เมืองราชบุรี จำนวน 73 รายได้รับผลกระทบเนื่องจากเอกสารสิทธิในที่ดินไม่สามารถนำไปทำนิติกรรมใดๆ ได้ เนื่องจากสถานบันการเงินอ้างว่างที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แม้ว่าจะมีบางรายสามารถนำที่ดินดังกล่าวไปทำนิติกรรมที่สถาบันการเงินได้ตามปกติแล้วก็ตาม ทำให้ปัจจุบันประชาชนกลุ่มดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงได้เดินทางมาขอความเป็นธรรมและขอให้ช่วยเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
ทั้งนี้นายพีระพันธุ์ ได้สอบถามข้อเท็จจริงและความเป็นมาทั้งหมดจาก ตัวแทนกรมที่ดิน และตัวแทนป่าไม้จังหวัดราชบุรี ทำให้ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่ดินของนายดำ พยับตรี ที่เข้าทำประโยชน์ตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2497 และเจ้าหน้าที่ที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิตามลำดับ จนถึง น.ส.3 ก เลขที่ 910 ซึ่งเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย กระทั่งต่อมาได้มีการแบ่งซื้อขายเป็นแปลงย่อยๆ ต่อมาเรื่อยๆ จนในปี 2559 ทางราชการได้มีโครงการปรับปรุงแนวเขตแผนที่ของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 One Map ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนในเขตที่ดินของชาวบ้านที่ออกเอกสารถูกต้องจำนวน 73 รายที่ถูกละเว้นไว้ เมื่อประชาชนต้องการนำเอกสารสิทธิที่ดินไปทำธุรกรรมทางการเงิน จึงทำให้ทางสถาบันไม่แน่ใจและไม่ยอมรับการทำธุรกรรม
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้สอบถามจากตัวแทนของทั้งกรมที่ดิน และป่าไม้จังหวัด ราชบุรี พบว่า การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของประชาชนที่เป็นปัญหานั้นถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถออกโฉนดได้ตามปกติแต่เนื่องจากการดำเนินการของ กรมป่าไม้ส่วนกลางยังไม่ได้ระบุพื้นที่ยกเว้นในที่ดินดังกล่าวว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของป่าสงวน ซึ่งทำให้สถาบันการเงินไม่แน่ใจว่าจะสามารถใช้เป็นหลักประกันได้หรือไม่
นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ตนได้สั่งการให้ทั้งสองหน่วยงานได้แก่ กรมที่ดิน และป่าไม้จังหวัด ราชบุรี ดำเนินการออกหนังสือยืนยันให้กับประชาชนที่เดือดร้อนดังกล่าว เพื่อนำไปยืนยันกับทางสถาบันการเพื่อให้ความมั่นใจว่าเป็นที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาในส่วนนี้ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานรับปากว่าสามารถดำเนินการได้ ขณะที่ในส่วนของการขอให้กรมป่าไม้ไปดำเนินการกันพื้นที่ดังกล่าวออกจากพื้นที่เขตป่าสงวนนั้น จะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความเข้าใจผิดเกิดขึ้นอีก
“สำหรับกรณีของที่ดินดังกล่าวจากการสอบถาม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วก็พบว่าที่ดินของประชาชนเป็นที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นการอยู่อาศัยมาก่อนที่จะมีการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ และทั้งสองหน่วยงานก็ไม่ได้ติดขัดปัญหาอะไร และยืนยันว่าประชาชนสามารถที่จะนำไปทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ ซึ่งผมก็ได้ขอให้ทางที่ดินไปตรวจสอบราคาประเมินในพื้นที่ดังกล่าว และออกหนังสือยืนยันเพื่อจะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้ยืนยันกับทางธนาคารได้ว่าเป็นที่ดินที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับเขาในตอนนี้ ส่วนกรณีที่จะขอให้กรมป่าไม้กันพื้นที่ดังกล่าวออกจากแผนที่ของป่าสงวนฯ ก็จะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ประกอบการร้านขายยาเพื่อขอให้ช่วยหาแนวทางช่วยเหลือ เรื่องข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดให้จะต้องมีเภสัชกรประจำร้านเต็มเวลา ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการผ่อนผันว่าไม่จำเป็นต้องมีเภสัชกรประจำร้านเต็มเวลา เนื่องจากเภสัชกรขาดแคลน แต่ล่าสุดข้อผ่อนผันดังกล่าวจะครบกำหนด ทำให้ร้านขายยาทุกร้านจะต้องจัดหาเภสัชกรมาประจำร้าน แต่เนื่องจากมีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถดำเนินการได้ จึงอยากให้ช่วยหาแนวทางเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งตนได้ขอให้ผู้ประกอบการนำรายละเอียดต่างๆ มาเพื่อพิจารณาในการหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีสุดท้ายเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนด้านการเกษตร ได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาเรื่องเงินทุนในการทำธุรกิจ หลังจากที่พยายามยื่นขอกู้จากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาขยายธุรกิจทางการเกษตร แต่ติดปัญหาคุณสมบัติการกู้เงินของครอบครัว ทำให้ไม่สามารถยื่นกู้ได้ ทั้งที่เป็นธุรกิจด้านการเกษตรและสามารถช่วยให้ชาวบ้านในชนบทได้มีงานทำ ซึ่งตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสถาบันการเงิน เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
#สู้เพื่อสังคมเท่าเทียม